กฎข้อที่ 2 - โลกไม่แคร์ว่าคุณจะเชื่อมั่นในตัวเองแค่ไหน แต่...โลกต้องการความสำเร็จจากความเชื่อมั่นในตัวคุณ แปลสั้นๆว่า อย่าทำตัวเป็นพวกน้ำล้นแก้ว แม้จะเรียนรู้มาเยอะแล้ว เรียนมากกว่าคนอื่น ขอให้เทน้ำแห่งอัตตาออกมาบ้าง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อใดที่เรารู้สึกว่าตัวเองเก่ง ก็ปิดกั้นการเรียนรู้เพิ่ม...เพราะไม่ยอมรับผู้อื่น ส่วนที่รู้สึกว่าตัวเองโง่ ก็ปิดกั้นการรับรู้เช่นกัน เพราะเข้าใจว่าไม่สามารถรับอะไรได้เลย เพราะฉันโง่ ในการทำงานโค้ชที่ The Master Coach เราได้พบผู้คนมากมายที่มีปัญหานานาชนิด ในบรรดาคนที่มีปัญหาชีวิตนั้น พบว่า...คนที่รู้สึกว่าตนเองมีความรู้มาก รู้เยอะ ภาคภูมิใจตัวเองมากๆ เป็นกลุ่มที่พัฒนาจิตภายใจเชื่องช้าที่สุด เพราะน้ำที่เต็มแก้ว ไม่รู้จะใส่น้ำใหม่ๆเพิ่มให้ตรงไหน เขาต้องรินน้ำของตัวเองออกจากแก้วเสียก่อน จึงจะเริ่มต้นเรียนรู้ได้ (ส่วนมากไม่ค่อยยอมด้วยสิ) และน่าแปลกตรงที่ ในเรื่องของระบบจิต คนที่ฝึกมาน้อย เรียนรู้น้อย ถ้าได้ฝึกในหนทางที่ถูกต้องแล้วล่ะก็ คนเหล่านี้จะไปเร็วมาก เพราะไม่เสียเวลาเอาข้อมูลที่รู้มาจากอาจารย์ กลับไปนั่งคิดตรึกตรองเปรียบเทียบสารพัดกับที่รู้มา เอาเวลาแบบนั้นไปปฏิบัติแบบสบายๆไปเรื่อยๆ จึงสำเร็จรวดเร็วกว่าคนอื่น คนสมัยนี้มีแนวโน้มคิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่น รู้เยอะ ชอบแสดงตัว แสดงความคิดเห็น ปิดกั้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากคนที่คิดว่ารู้น้อยกว่าจนลืมไปว่า...ที่รู้น้อยกว่า แต่เขารู้ลึก รู้จริง ในเรื่องที่สำคัญๆและทำมันจนประสบความสำเร็จเกิดผลลัพธ์เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ในที่สุด ส่วนพวกรู้กว้างๆ รู้ทุกเรื่อง สอนคนอื่นได้หมด กลับทำอะไรไม่สำเร็จเลย คนที่เคยรู้สึกว่าตัวเองเรียนเก่ง ทำงานเก่งกว่าคนอื่น โต้แย้งขัดแย้งถือตัวเองว่าเก่งมาตลอดชีวิต มารู้สึกตัวอีกที คนที่เคยรู้สึกว่าเขาเก่งน้อยกว่า ล้วนมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงกว่า ส่วนตัวเองกำลังจะกลายเป็นผู้ชราหมดคุณค่า หมดความสำคัญ ออกจากราชการหรือออกจากองค์กรไป..ก็กลายเป็นคนแก่เฝ้าบ้านเท่านั้นเอง คนที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ มีลักษณะที่เด่นชัดคือ 1 อ่อนน้อมถ่อมตน สละความเก่งเข้าสู่ความอ่อนโยน 2 เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยอมรับความเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับความเชื่อมเดิมๆของตนเอง 3 มีจิตของผู้เริ่มต้น อันนี้อธิบายยากสักหน่อย เอาเป็นว่า เปรียบเสมือนเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ ไม่มีความคิดหรือความเชื่อให้ยึดมั่นถือมั่น เหมือนจิตของเด็กอนุบาลที่พร้อมเรียนรู้โลกใบนี้...อย่างสนุกสนาน 4 เป็นผู้มีปัญญา อันนี้สำคัญมาก ทุกข้อต้องประกอบไปด้วยปัญญาที่ดีงาม ซึ่งปัญญาจะเกิดจากการลงมือทำเอง จนได้ประสบการณ์และนำประสบการณ์นั้นมาเรียนรู้จนเกิดความเข้าใจในระดับของจิตภายใน เมื่อจิตเข้าใจแล้ว จะทำงานสอดคล้องกับความคิดและเป้าหมายชีวิต ถึงตรงนั้น...คุณจะมีชีวิตแบบ Speed Life เห็นบางสิ่งก่อนคนอื่น เข้าใจก่อน และลงมือทำสำเร็จก่อน ที่เหลือก็ใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย Slow Life แบบชิลชิล การฝึกฝนชีวิตเพื่อให้เกิดปัญญา จะได้ติด Speed ให้ชีวิต ก้าวข้ามเรื่องบทเรียนท่องจำ ความรู้เก่าๆ แต่เป็นการฝึกฝนภายในจิตอย่างแท้จริง เป็นรูปแบบเฉพาะที่ทำให้เกิดความเข้าใจชีวิตอย่างลึกซึ้ง จากนั้น ตัวปัญญาจึงจะประมวลและแยกแยะความรู้เก่า อันไหนใช้ได้ก็เก็บไว้ อันไหนหมดอายุแล้วก็โยนทิ้ง จะได้มีที่ว่างรับสิ่งใหม่ๆเพิ่มเข้ามาในชีวิต เพื่อให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป ที่สำคัญ การฝึกฝนชีวิตให้เกิดปัญญา ต้องมีครูคอยชี้แนะ เดี๋ยวนี้เรียกกันว่า โค้ช เจอครูดีๆเดี๋ยวเดียว ท่านชี้ทางให้ เอาไปทำปุ๊บ..เข้าใจเลย จิตสว่าง สบาย เข้าใจชีวิตแล้ว ไม่ต้องงมเข็มในมหาสมุทร เพราะครูอาจรย์ท่านงมเข็มในมหาสมุทรมาก่อน รู้หมดแล้วว่า...เข็มซ่อนตัวอยู่ตรงไหนในมหาสมุทร แล้วเราจะไปฉลาดน้อย...งมเข็มหาเองทำไม เมื่อเจอเข็มแล้ว จะได้รีบลงมือทำงานที่ตัวเองรัก อยากจะทำให้สำเร็จลุล่วง (ตอนนี้ต้องใช้ชีวิตแบบ Speed Life คิดเร็ว ทำเร็ว-มีคุณภาพด้วยนะ) พอสิ่งที่เราปรารถสำเร็จลุล่วงตั้งแต่อายุยังน้อยๆ ที่เหลือ เราก็ใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจ เก็บเกี่ยวผลแห่งความสำเร็จ และใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่าเพราะโลกใบนี้ชื่นชมคนที่คิดแล้วทำ ทำจนสำเร็จสมหวัง นี่คือคนจริงที่โลกใบนี้ต้องการครับ เรียนรู้เพิ่มเติม / |
Archives
October 2018
Authorโค้ชโจ้ ภัคพงศ์ ตาตะนันทน์ ฝึกฝนการโค้ชผ่านระบบ SLP กับอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์และร่วมก่อตั้งสถาบันโค้ชพลังจิต The Master Coach Academy Categories |