ความกลัว...ทำให้เราไม่กล้าเสี่ยง ที่จะทำในสิ่งที่คู่ควรกับชีวิต ก่อนที่ใครสักคนจะสร้างตัวจนประสบความสำเร็จ พวกเขาค่อยๆสร้างธุรกิจ...ไปพร้อมๆกับสร้างอารมณ์ และความรู้สึกเป็นไปได้..จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามประสบการณ์จริงในชีวิต ถ้าประสบความสำเร็จติดๆกันในระยะเวลาใกล้กัน จะรู้สึกโชคดี ทำอะไรก็ถูกต้องดีงาม จับเป็นเงินไปทองไปหมด ความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจภายนอก สะท้อนตามระดับของความรู้สึกภายในจิต ถ้าความรู้สึกมั่นใจมีมากขึ้น ระดับความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจจะเพิ่มขึ้นด้วย ความรู้สึกด้านบวก ทำให้ค้าขายดีขึ้น ลงทุนดีขึ้น...รายได้หรือกำไรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม วิธีการเรียนรู้ไปเรื่อยๆแบบนี้ ต้องใช้เวลายาวนาน...เกินกว่า 10 ปี กว่าจะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมาย เพราะไม่รู้เทคนิคการใช้ชีวิตแบบเปลี่ยนอารมณ์ที่ดึงดูดความสำเร็จมาใช้ในชีวิต คนส่วนมากไม่รู้วิธีการเปลี่ยนอารมณ์ทางจิต ต้องใช้ชีวิตวนเวียนกับความรู้สึกด้านลบ..นานกว่าที่ควรจะเป็น มัวแต่คิดว่า...ฉันไม่คู่ควร ฉันทำไม่ได้ เรียนหนังสือมาน้อย พูดไม่เก่ง ขายไม่เป็น ทั้งหมดเป็นความรู้สึกที่นำพาชีวิตไปสู่ความล้มเหลวทั้งนั้น ทีนี้ เราย้อนมาดูชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ซึ่งมีไม่ถึง 1% หรือนึกขำๆไปว่า มีรถบัสขนาด 30 ที่นั่งคันหนึ่งผ่านมา ในรถคันนั้น..มีนักธุรกิจเจ้าของกิจการระดับโลกนั่งอยู่ด้วยกัน คนเหล่านี้มีระดับของอารมณ์และความรู้สึกเหมือนกัน รู้สึกว่า..ฉันเป็นคนโชคดี ทำสิ่งใดก็สำเร็จง่ายดาย ด้วยความรู้สึกในแบบนี้ ทำให้...พวกเขาทั้ง 30 กว่าคน คือผู้ที่ครอบครองทรัพย์สินกว่า 90% ของโลกใบนี้ ความแตกต่างที่ทำให้เรา...สร้างความสำเร็จให้ชีวิตไม่เท่ากับที่คนในรถบัสคันนั้นทำได้ อยู่ที่ความรู้สึกข้างใน...ความรู้สึกในตอนเริ่มต้นทำงานหรือสร้างธุรกิจ คนในรถบัสเหล่านั้น เริ่มต้นสร้างธุรกิจด้วยความรู้สึกในระดับ I DID พวกเขารู้สึกเชื่อว่าสำเร็จแน่นอน 100% เห็นภาพในจินตนาการชัดเจน ราวกับเห็นด้วยตาเปล่า พวกเขาเคลิ้ม..มีความสุขกับภาพแห่งความสำเร็จ สนุกสนานไปกับมันราวกับเกิดขึ้นแล้วจริงๆ (ในระบบ SLP เรามีระบบการฝึกในแบบนี้ด้วย) พวกเขาจะพูดกับตัวเอง (Self Talk) ว่า "ฉันทำสำเร็จแล้ว" พวกเขาเห็นภาพตัวเองในอนาคต ว่าได้ครอบครองอาณาจักรธุรกิจ ได้ใช้ชีวิตที่หรูหราอย่างที่ต้องการไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะคน 95% บนโลก เลือกทำงานและใช้ชีวิตแบบที่เรียนมา ใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกว่า I WON'T ฉันทำมันไม่ได้หรอก...เพราะไม่ได้เรียนมา เพราะไม่เคยทำมาก่อน เพราะไม่ชอบมัน เพราะพ่อแม่ไม่เคยสอน เพราะเพื่อนๆฉันไม่มีใครร่ำรวยเลย ชีวิตเลยไม่ขยับไปไหน ต้องทนใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกหดหู่ หงุดหงิดกับตัวเอง ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าก้าวออกจากจุดที่ชีวิตเต็มไปด้วยปัญหา เพราะสร้างเงื่อนไขให้กับชีวิตมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ช่วงเริ่มต้นของการฝึก SLP กับอาจารย์สถิตธรรม ในหัวของผมเต็มไปด้วยความคิดและรูปแบบชีวิตอย่างที่เคยคิดว่า-ใช่ ยังไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์สถิตธรรม สอนและให้ฝึก เลยเสียเวลาไปกับจินตนาการว่า มันน่าจะเป็นอย่างนั้น...อย่างนี้ ช่วงเริ่มต้นฝึกระบบ SLP อาจารย์บอกผมด้วยประโยคง่ายๆเหมือนหนังจีนกำลังภายในว่า "ผมบอกให้ทำอะไร คุณก็ทำอย่างนั้นแหละ" แรกๆมีความสงสัยนะ เอ...มันจะใช่หรือเปล่า? มันยากที่จะทำใจให้เข้าถึงคำหมายของ - สุดยอดของการปฏิบัติ คือการไม่ปฏิบัติ ถ้าไม่ทำ ไม่ปฏิบัติ ไม่นั่งสมาธิ ไม่เดินจงกลม แล้วเราจะทำอะไรล่ะ? นั่นแหละสิ่งที่ผมสงสัยล่ะ จุดเด่นของการโค้ชในระบบ SLP ของ The Master Coach Academy คือการเจาะลึกลงไปในระบบจิต
ระบบจิต ทำหน้าที่ควบคุมความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ ทั้งด้านประสบความสำเร็จและทำให้ล้มเหลว ระบบจิตทำงานซับซ้อน ต้องใช้เวลายาวนาน กว่าจะเข้าใจระบบการทำงานของจิต เช่น ฤาษีในยุคโบราณ ต้องนั่งสมาธิ บำเพ็ญทั้งชีวิตเพื่อการยกระดับจิตเพียงไม่กี่ระดับ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ผมคิดว่า การเริ่มต้นสู่ความสำเร็จ เราควรจะมีศรัทธาในตัวเอง มีศรัทธาในงานที่เราทำ เพราะคนแรกที่จะได้รับผลของการกระทำคือตัวเรา เวลาที่เราทำงานใดก็ตาม ถ้าเป็นสิ่งที่เรารักจะทำจริงๆ ผลที่เกิดขึ้นหลังจากทำลงไปแล้ว...จะเกิดความรู้สึกที่จิตของเราทันที ทั้งขณะลงมือทำ..เราก็มีความสุข ทำเสร็จแล้ว..จิตเราก็มีความสุขมากขึ้น ความสุขที่ได้เห็นสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในจินตนาการ กลายเป็นความจริงที่มองเห็น "เรามีข่าวดีแจ้งว่า...เจ้าได้โอกาสลงไปเกิดอีกครั้ง และมีเวลาอยู่บนโลก 90 ปี เราอยากรู้ว่า เจ้าจะทำอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร?" เจ้าหน้าที่สวรรค์ถาม "ข้าจะรีบแก้ไขข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้วครับ" ดวงวิญญาณตอบ "ดีมาก...แล้ว ถ้าเจ้ามีเวลาบนโลก 50 ปีล่ะ?" "ข้าก็จะหาวิธีตัดสิ่งที่ไม่ใช่...ออกจากชีวิตให้มากที่สุด เพื่อทำสิงที่ใช่อย่างเดียว จะได้สำเร็จทันเวลา" "งั้น...." เจ้าหน้าที่สวรรค์เอ่ย "ถ้าเจ้ามีเวลาเพียง 30 ปีบนโลกมนุษย์ล่ะ?" ดวงวิญญาณนิ่งอึ้ง รู้สึกว่าเวลาน้อยเกินไป "ข้าคงจะ....รีบค้นหาคนที่จะบอกได้ว่า ข้าควรทำอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร จึงแก้ไขข้อบกพร่องให้เร็วที่สุดครับ" ภาพยนตร์เรื่อง Totall Recall นำเสนอเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งในโลกยุคอนาคต เขาชื่อ ดักกลาส ทำงานรับจ้างในโรงงานผลิตหุ่นยนต์ตำรวจ งานอันแสนน่าเบื่อ...วันๆทำเรื่องซ้ำซากจำเจ ใส่น๊อตให้หุ่นยนต์ตัวแล้วตัวเล่า
จนวันหนึ่ง เสียงข้างในใจ (Inner Voice)...เริ่มตั้งคำถามว่า ชีวิตดีกว่านี้ได้มั้ย? มุมมองที่น่าสนใจของหนังเรื่องนี้ นำมาเป็น Movie Coaching ได้...ก็คือ มนุษย์มักยึดติดกับอดีต คุ้นเคยกับสิ่งที่เราเคยเป็น สิ่งที่เราเคยทำ เรามักเอาความรู้สึกในอดีต มาสร้างอนาคตที่เรียกว่า ความฝัน จิตของเราขับเคลื่อนชีวิต..ด้วยความทรงจำในอดีต คนที่ไม่ประสบความสำเร็จ สาเหตุคือ พวกเขาปล่อยให้จิต..หยิบเอาความทรงจำด้านลบมาขับเคลื่อนชีวิตปัจจุบัน จึงมองเห็นอนาคตด้วยความรู้สึกยากไปทุกเรื่อง การโค้ชระบบ SLP มุ่งจัดการปัญหาตรงจุดที่สุด จัดการระบบการทำงานของจิตและความทรงจำที่ผิดพลาด เราไม่ได้สั่งให้จิตเลิกหยิบเอาความทรงจำด้านลบมาใช้ ถ้าจิตชอบหยิบเอาความทรงจำด้านลบมาใช้กับชีวิต เราก็จะเปลี่ยนความทรงจำนั้นให้กลายเป็นด้านบวกแทน เพื่อให้ชีวิตของเราขับเคลื่อนไปสู่ความยอดเยี่ยมได้เร็วที่สุด! เมื่อก่อน พูดถึงเรื่องฝึกจิต ส่วนใหญ่คิดถึงการฝึกเพื่อละทางโลก ไม่ก็คิดว่าเป็นเรื่องของพระ แต่เดี๋ยวนี้ ชาวตะวันตกนำเอาเรื่องของจิตไปผสานกับการโค้ชทางจิตวิทยา และใช้ได้ผล ผู้คนจำนวนมากประสบความสำเร็จเร็วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
มองมาที่ฝั่งตะวันออก เรื่องของจิตถูกใช้ฝึกฝนเพื่อการหลุดพ้นเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่ความจริงแล้ว คนที่ฝึกฝนจิตจนเข้าใจการทำงานของระบบจิต จะเป็นคนที่เข้าใจตัวเอง เข้าใจโลก เข้าใจความต้องการของตัวเองและผู้อื่น จึงประสบความสำเร็จง่ายกว่าคนที่ไม่รู้เรื่องระบบจิต ความสำเร็จในชีวิต ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการสื่อสารกับตนเอง ที่เรียกว่า Self Talk
ถ้าคุณรู้สึกว่า กำลังเผชิญปัญหาในแบบนี้
คุณหาคำตอบไม่ได้ใช่มั้ย ว่าทำไมปัญหายังเกิดซ้ำซากวนเวียน คอยฉุดรั้งชีวิตของคุณ คำตอบของเรื่องนี้ อยู่ข้างในตัวเรานั่นเอง มันคือข้อมูลที่สะสมในจิตของเรา ที่เกิดจากการสื่อสารอย่างไม่ตั้งใจระหว่างตัวคุณกับจิตใจภายใน นักวิจัยเกี่ยวกับเรื่องความสำเร็จพบว่า ผู้คนบนโลกใบนี้ พูดกับตัวเองด้วยทัศนคติเชิงลบถึง 70% และนี่..คือเหตุผลที่การสื่อสารกับผู้คนภายนอก ล้มเหลว! ชีวิตของเราก็เหมือนการทำสงครามในใจ เป้าหมายคือชัยชนะ...ความสำเร็จ
จะเกิดชัยชนะหรือความสำเร็จได้ คุณต้องเอาชนะอุปสรรคที่ขวางกั้นให้ได้ จนท้ายที่สุด..จึงจะได้รับความสุขดังที่คาดหวัง ใช่แล้ว ความสำเร็จ ชัยชนะ สุดท้ายแล้วมันล้วนเป็นนามธรรม เป็นโลกของความรู้สึกที่เรียกว่า "ความสุข" ช่วงท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษกำลังจะพ่ายแพ้กองทัพนาซี หนทางเดียวที่จะพลิกสถานการณ์ได้ จะต้องถอดรหัสคำสั่งปฏิบัติการ ที่เผยแพร่ทางวิทยุทุกเช้า....ฟังดูไม่น่าจะยาก...แค่ดักฟังก็น่าจะรู้ แต่ คำสั่งเหล่านั้น ถูกเข้ารหัสยากที่สุด ที่สำคัญ...มันมีอายุเพียง 24 ชั่วโมง 3 ระดับของการค้นหาตัวเอง เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น
จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องของการเพิ่มนิสัยดีๆ หรือสิ่งที่อยากได้เข้าไปอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการเอาบางอย่างออกจากชีวิตด้วย เช่น นิสัยที่แย่ๆ ที่เราไม่รู้ตัว พูดถึงความไม่รู้ตัว ไม่รู้จะบอกอย่างไรดีว่า ทำไมคนๆนั้นไม่รู้ตัวว่า เขาทำนิสัยแย่ๆให้คนอื่น..เอือมระอา จนผลักไสผู้คนและโอกาสดีๆออกไปจากชีวิตโดยไม่รู้ตัว (แถมมีคนไปบอกนิสัยไม่ดี...เขาจะโกรธด้วยสิ) ความยากในการพัฒนาตัวเองอันดับต้นๆก็คือ 1. เราไม่เห็นข้อบกพร่องของตัวเอง มักคิดว่าเราถูกเสมอ ดีเสมอ 2. ยอมรับข้อเสียของตัวเองไม่ได้ 3. ไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ถ้าให้ผมเลือกวิธีการพัฒนาตัวเอง คิดว่า...การโค้ชส่วนตัว น่าจะเป็นทางเลือกที่ทำให้เราเจ็บปวดน้อยที่สุด เพราะในกระบวนการโค้ชส่วนตัว มีเพียงเรากับทีมโค้ชที่จะเชื่อมจิต ให้จิตของเราเรียนรู้ความผิดพลาดแบบเงียบๆ ลึกซึ้ง ไม่มีใครมาคอยบอกว่าคุณทำผิดพลาดเรื่องอะไร ทำอะไรน่าอายไว้บ้าง เมื่อจิตได้เรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง สอนตัวเองข้างในจิต ความเจ็บปวดจากการได้พบความจริง ความผิดพลาดในชีวิตของเรา..ก็น้อยลงไปด้วย อีกอย่างที่การโค้ชส่วนตัวช่วยได้มากคือ เป็นการทำงานระบบ One Stop Service ค้นหา แก้ไข ให้อภัยตัวเองและผู้อื่นในขั้นตอนเดียว คุณจึงไม่รู้สึกติดค้างกับตัวเองและผู้อื่นอีกต่อไป |
Archives
October 2018
Authorโค้ชโจ้ ภัคพงศ์ ตาตะนันทน์ ฝึกฝนการโค้ชผ่านระบบ SLP กับอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์และร่วมก่อตั้งสถาบันโค้ชพลังจิต The Master Coach Academy Categories |