นักธุรกิจสาวเจ้าของโรงแรมท่านหนึ่ง ให้ข้อคิดที่น่าสนใจมาก ในการดำเนินชีวิตและสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เธอเริ่มต้นสร้างโรงแรมในช่วงที่น้ำท่วมครั้งใหญ่พอดี ต้องหยุดพักไปเกือบปี พอสร้างโรงแรมเสร็จ ก็มาเจอกับกิจกรรมกีฬาสีครั้งใหญ่ของประเทศไทย เศรษฐกิจซบเซาอยู่หลายปี ตอนนี้ โรงแรมของเธอได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยว และเตรียมขยายสาขาออกไปทั้งธุรกิจโรงแรมและห้องพักให้เช่ารายเดือน
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องนี้ นี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราจะต้องทำในสิ่งที่รัก..จึงจะสำเร็จ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา กระแสการท่องเที่ยวบูมเป็นพิเศษ อายุของนักเดินทางลดลงเป็นกลุ่มวัยรุ่นมากกว่าวัยอาวุโส แต่ละคนเตรียมข้อมูลการท่องเที่ยวมาแล้วเพราะโลกมันง่ายขึ้น โรงแรมไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลอะไรมากมายเหมือนเดิม แผนที่ไม่ต้องแจกกันอีกแล้ว นักท่องเที่ยวจะมาพร้อมกับคำถามว่า ฉันต้องการไปที่นั่น..ที่นี่ ฉันอยากไปกินที่ร้านนี้นะ มันเปลี่ยนจากคำถามกว้างๆที่ว่า จะไปไหนดี กินข้าวที่ไหนอร่อย ตรงนี้...ธุรกิจโรงแรมต้องปรับตัวให้ทัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะคนในธุรกิจโรงแรมส่วนมากปรับตัวไม่ทัน คนที่ทำงานมาเป็นสิบๆปี ก็ยังฝังใจว่าสิ่งที่เคยทำมาแล้ว...ดีที่สุด แม้ว่าเราจะได้ทำในสิ่งที่รัก แต่เราก็ยังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมาก ความผิดพลาดล้มเหลวจึงเป็นของคู่กันกับความสำเร็จ จริงอยู่...เราทำสิ่งที่รัก เมื่อเราล้มเหลว สุดท้ายเราจะหาทางขึ้นมาได้เอง แต่ว่า..ความเสียหายที่เกิดขึ้นล่ะ ถ้าคุณต้องล้มเหลวและขาดทุน 10 ครั้ง ในเวลา 20 ปี ก่อนจะประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ทำอยู่ บางทีเงินทุนอาจจะหมดก่อน ครอบครัวเลิกสนับสนุนเพราะทนลำบากไม่ไหว ถ้าเรามีโค้ช มีคนแนะนำที่มีประสบการณ์ คอยแนะนำให้ทางที่ถูกต้อง คุณจะหาทางประสบความสำเร็จจากการทำผิดพลาดเพียง 3 ครั้งเท่านั้น ระยะเวลาจากที่ควรเป็น 10 ปี ลดเหลือเพียง 2 ปีเท่านั้นก็ประสบความสำเร็จได้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้...ครอบครัวยังคงให้กำลังใจและสนับสนุนคุณเหมือนเดิม และยิ่งมากกว่าเก่าด้วย เพราะคนในครอบครัวไม่ต้องอดมื้อกินมื้อกับความพยายามลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ที่ผมกล่าวมา ล้วนเป็นเรื่องการ ตั้งระบบจิต..ทั้งนั้น
เช่นเดียวกับที่นักธุรกิจหญิงท่านนี้เล่าว่า กว่าจะลุกขึ้นมาจากเตียงนอนเพื่อออกไปวิ่งอย่างมีความสุขได้ ก็ต้องใช้เวลาถึง 1 ปีกว่าจะรู้สึกไม่ต้องฝืนใจลุกจากที่นอน ทำไมต้องรอถึง 1 ปี? ระยะ 1 ปีนั้น ที่เธอต้องพยายามลุกจากที่นอนด้วยความไม่เต็มใจนัก นั่นเป็นการกระทำที่ส่งผ่านข้อมูลลงไปที่ให้จิตของเรารับรู้ ปกติแล้ว..ต้องอาศัยการทำซ้ำๆให้มากพอ และต้องทำอย่างต่อเนื่องด้วย เมื่อจิตได้รับข้อมูลสมบรูณ์เต็มที่แล้ว เราจะไม่รู้สึกฝืนใจอีกต่อไป จะลุกจากที่นอนด้วยความเต็มใจ มีความสุขมากขึ้น แล้วสุดท้าย...ชีวิตเราก็จะมีความสุขตั้งแต่ลุกจากที่นอนเลย ไม่ต้องรอให้วิ่งเสร็จแล้วค่อยมีความสุขอย่างเมื่อก่อน ถ้าเรารู้วิธีการส่งข้อมูลลงไปในจิต ให้จิตยอมรับเร็วขึ้นอีกล่ะ มันก็ใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี อาจจะเหลือ 2-3 เดือนเท่านั้น คุณจะลุกจากที่นอนอย่างมีความสุขเลย เมื่อมีความสุขมากขึ้น มันจะขยายพื้นที่ให้อารมณ์ดีมากขึ้นในแต่ละวัน เรื่องที่ต้องตัดสินใจยากๆจะกลายเป็นเรื่องง่าย ทำเช่นนี้เรื่อยไป ธุรกิจและชีวิตก็ประสบความสำเร็จรวดเร็วขึ้น ตามพื้นที่ความสุขของคุณ |
Archives
October 2018
Authorโค้ชโจ้ ภัคพงศ์ ตาตะนันทน์ ฝึกฝนการโค้ชผ่านระบบ SLP กับอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์และร่วมก่อตั้งสถาบันโค้ชพลังจิต The Master Coach Academy Categories |