ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีกว่าที่ผมได้ฝึกฝนจิตด้วยระบบ SLP(Spiritual Jumping) ที่ค้นพบโดยอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ชีวิตของผมได้เปลี่ยนไปมากมายเกินกว่าจะบรรยายได้หมด มีบางคนสงสัย และอยากรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง จึงถามผมว่า “ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงมากมั้ย?” คนถามหมายถึงเรื่องเงินทอง ประมาณว่า สิ่งที่ผมทำ หาเงินมากี่มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องธรรมดา ที่มนุษย์ส่วนมากจะเอาค่าของเงินมาเปรียบเทียบกับระดับความสุขหรือความทุกข์ แต่สิ่งที่อาจารย์สถิตธรรม สอนผู้เข้ารับการโค้ชและนักเรียนโค้ชตลอดเวลา..ก็คือ การมีชีวิตอยู่เหนือความยากจน และอยู่เหนือความร่ำรวย จะมีชีวิตในแบบนั้นได้ ในทางจิต เราต้องเลื่อนระดับของจิต ให้เกิดความเข้าใจโลกและตัวเอง สูงกว่าระดับมิติที่ 3 ที่อยู่ภายใต้การเปรียบเทียบและตัดสินทุกเรื่องในชีวิต เลื่อนขึ้นไปสู่ระดับมิติที่ 5 ที่หลุดพ้นกรอบข้อจำกัดเรื่องของกาลเวลา อาจารย์ได้เขียนอธิบายเรื่องของ มิติที่ 5 ไว้ในหนังสือชื่อ กุญแจสู่มิติที่ 5 อันเป็นวิธีการที่จะทำให้มนุษย์ที่ฝึกฝนจิตจนเข้าในเรื่องมิติที่ 5 เอาชนะความลำบากยากจนในชีวิตได้ ผมเคยถามท่านอาจารย์ว่า ในตอนที่เขียนหนังสือเล่มนั้น ท่านได้เลื่อนระดับจิตของตัวท่านเองไปสู่มิติที่ 5 แล้ว ท่านได้พบความสุขในรูปแบบใหม่ เป็นความสุขที่เหนือกว่าการครอบครองวัตถุ เงินทอง เป็นความสุขในแบบที่โลกใบนี้...ให้ไม่ได้ ท่านบอกว่า..ใช่ เมื่อลื่อนระดับจิตและชีวิตไปสู่มิติที่ 5 แล้ว ท่านก็หันมาทุ่มเทเพื่อค้นหาวิธีการ ที่จะช่วยผู้คนที่มีความพร้อมและต้องการพัฒนาตนเอง ให้มีชีวิตที่ดีขึ้นแบบที่ตัวท่านเองได้สัมผัสมาแล้ว และในที่สุด เจตจำนงค์ของท่านก็ประสบความสำเร็จ ค้นพบวิธีการที่เรียกว่า SLP (Spiritual Jumping) ซึ่งนำศาสตร์สุดยอดของโลกมารวมกัน ทั้งทางกายภาพ ร่างกาย การปรับสนามพลังงาน การปรับจูนระบบจิตของมนุษย์ใหม่ ทำให้มนุษย์...ไม่ต้องรอไปเกิดในชาติหน้าจึงได้รับผลที่ทำในชาตินี้ ทุกวันนี้ องค์ความรู้ในเรื่องของการเลื่อนระดับจิตของมนุษย์ ไม่ได้ถูกจำกัดไว้แต่เพียงความรู้และการปฏิบัติในรูปแบบของศาสนาเท่านั้น ผู้คนในโลกตะวันตก หันมาสนใจเรื่องของการยกระดับจิต เพื่อให้ชีวิตมีความสุขอย่างสมดุล ทั้งทางโลกวัตถุและความสุขใจภายในจิตใจ การพัฒนาจิตเพื่อทำให้ชีวิตมีความสุขไปพร้อมกับความมั่งคั่ง สามารถเกิดขึ้นได้กับบุคคลธรรมดาที่ฝึกฝนอย่างถูกต้อง จนเกิดความตระหนักรู้ และเข้าใจชีวิต ผลลัพธ์ก็คือ พวกเขาไม่ต้องดิ้นรนทำมาหากิน ไม่ต้องพึ่งรายได้ในแบบมนุษษ์เงินเดือน ใช้ชีวิตแบบเต็มอิ่มทั้งทางใจและความสะดวกทางกาย มีทางเลือกใหม่ ที่จะใช้ชีวิตในแบบที่สมดุลทั้งทางจิตและร่างกาย ทุกวันนี้ มีศัพท์เรียกคนรุ่นใหม่ที่เข้าใจชีวิตและเลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบที่อิ่มเอม..ว่า New Rich การจะเปลี่ยนชีวิตธรรมดาของคุณผู้อ่าน ให้ประสบความสำเร็จ...เป็น New Rich แบบคนรุ่นใหม่ ต้องเริ่มต้นด้วยความกล้า...ที่จะออกจากกรอบความคิดเดิม ต้องออกจากทั้งกรอบชีวิตที่คุ้นเคย เปิดใจรับฟัง และทำสิ่งใหม่ๆ เลิกเป็นคนช่างคิด ช่างสงสัย ชอบแสดงความคิดเห็น พูดง่ายๆว่า ต้องนำตัวเองเข้าสู่..เส้นทางแห่งการฝึนฝนตน เพื่อยกระดับจิต เช่นนี้ จึงจะสามารถเข้าใจโลกและเข้าใจตัวเอง ในมิติที่สูงส่งกว่าที่เป็นอยู่เดิม สิ่งที่ทำให้จิตของเราขึ้น และฉลาดขึ้นนี้ เรียกว่า “ปัญญา” ปัญญาจะนำชีวิตของเรา ไปสู่การค้นพบเส้นทางการเลือกใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยอำนาจของเงินอีกต่อไป ระบบการศึกษาในเวลานี้ เน้นไปที่เรื่องของการจดจำ มีน้อยมากที่บ่มเพาะในเรื่องของปัญญา การจดจำนั้นง่ายกว่า ส่วนการศึกษาที่จะก่อให้เกิดปัญญานั้น ต้องอศัยการลงมือทำจริงๆจนเกิดประสบการณ์ชีวิตในเรื่องนั้นๆขึ้นมา แล้วจึงเอาตัวรู้เข้าไปเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตนั้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อตัวรู้เข้าใจก็จะเกิดปัญญาขึ้นมา ส่วนคนที่ไม่สามารถฝึกฝนจิตจนเกิดตัวรู้ขึ้นมา ประสบการณ์เหล่านั้นจะไม่มีความหมายให้เรียนรู้ จึงเกิดกระบวนการทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า...จนกว่าจัเกิดตัวรู้ ขึ้นมารับรู้ประสบการณ์เหล่านั้น และวิเคราะห์ ประเมิน ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง ส่วนรูปแบบการศึกษาที่เน้นความจำ..กลับทำให้มนุษย์พัฒนาชีวิตในเรื่องของความสุขได้น้อยมาก ส่วนใหญ่เมื่อเรียนจบมหาวิทยาลัยมาแล้ว มักหาตัวเองไม่เจอ รู้รู้ว่าจริงๆแล้วรักที่จะทำสิ่งใดให้ชีวิตมีความสุข จึงเลือกอาชีพที่ให้เงินมากที่สุดตามศักยภาพที่ตนเองเข้าใจว่าสมควรจะได้รับเงินมากน้อยแค่ไหน นี่เอง...ที่ทำให้คนส่วนมากไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่มีความรู้ เป็นเพราะว่า..พวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และระบบการศึกษา ไม่ได้พัฒนาระดับของปัญญา(Wisdom) ให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป ผมอยากอธิบายว่า...ระดับความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลผ่านโทรศัพท์มือถือในขณะนี้ อยู่ในระดับความเร็ว 4G ถ้าคุณอยากจะสัมผัสความเร็วในระดับนี้ ก็ต้องใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ที่รองรับสัญญาณรับส่งข้อมูลที่ระดับ 4G คนที่ใช้โทรศัพท์มือถือรองรับระบบ 4G ใช้เวลาโหลดหนังที่คมชัดระดับ Blu-ray ในเวลาเพียง 30 นาที ส่วนคนที่ใช้มือถือระบบ 3G ต้องใช้เวลาโหลดถึง 90 นาที ร่างกายของเราก็คือ โทรศัพท์มือถือ ที่สามารถอัพเกรดให้รองรับระบบใหม่ๆได้ ด้วยการฝึกฝนจิตและต้องรู้วิธีปรับสภาพร่างกายให้สอดคล้องกับระบบใหม่ๆด้วย ส่วนระบบที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างตัวเราและข้อมูลมหาศาลในจักรวาล เพื่อนำมาประเมินผลและวิเคราะห์ทางเลือกที่ดีที่สุด ระบบนั้นเรียกว่าจิต จิตที่พัฒนาดีแล้ว จะถูกยกระดับขึ้น โหลดข้อมูลต่างๆรอบตัวได้เร็วขึ้น จากระบบ 2G ไปสู่ 4G เมื่อจิตโหลดข้อมูลเหล่านั้นมาแล้ว จะมีจิตอีกส่วนหนึ่งเรียกว่า “ปัญญา” ทำหน้าที่วิเคราะห์ทางเลือกต่างๆได้อย่างชาญฉลาด เป็นทางเลือกที่ทำน้อย ได้ผลลัพธ์มากกว่าคนอื่น ชีวิตจึงสะดวกสบายและมีความสุขมากขึ้น คนที่พัฒนาระบบร่างกายให้สามารถรองรับระบบใหม่อย่าง 4G ได้ จะเข้าใจโลกอย่างรวดเร็ว เข้าใจตัวเองอย่างชัดเจนว่า ในช่วงเวลาแต่ละวันที่จำกัด ควรเลือกทำสิ่งใดที่สำคัญและสอดคล้องกับเป้าหมายชีวิต สุดท้าย ถ้าเป้าหมายชัดเจนในระดับของจิต การทำสิ่งเดียวที่เขารักได้ด้วยความเร็วกว่าคนอื่น (เหมือนสัญญาณ 4G ที่โหลดข้อมูลเร็วกว่าระบบ 3G ถึง 1.5 เท่า) จึงเป็นอัตราเร่งที่ดึงดูดความสำเร็จมาสู่ชีวิต และได้เป็น New Rich ในที่สุด หันมามองคนส่วนใหญ่...ถ้าพวก New Rich เศรษฐียุคใหม่...มีอัตราเร่งในระดับ 4G มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลก คงมีระดับความเร็วเพียง 2G ที่รับส่งได้เฉพาะข้อความแบบ SMS เป็นหลัก ด้วยความเร็วระดับ 2G ถ้าจะโหลดหนัง Blu-ray มาดูสักเรื่องหนึ่ง คงใช้เวลานานหลายวัน กว่าจะได้ข้อมูลภาพและเสียงจนครบ ในเวลาเท่ากัน...ในขณะที่พวกความเร็ว 4G ดูหนังจนเข้าใจและนำไปลงเมื่อพัฒนาต่อยอดชีวิตได้หลายเรื่องแล้ว วิธีง่ายๆที่จะสังเกตว่าชีวิตของเราอยู่ในระดับความเร็วแบบใด ขอให้มองวิถีชีวิตรอบๆตัว กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณ..ว่า ปัญหาชีวิตที่เกิดขึ้น ในอนาคตมันจะหนักขึ้นหรือว่า..เบาบางลง...ถ้าคุณรู้สึกได้ถึงทางออกของชีวิต รู้สึกมั่นใจในชีวิตว่าประสบความสำเร็จอย่างไม่มีข้อสงสัย และยังคงความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คนรอบข้าง ชีวิตรักมีความเข้าใจกัน นั่นหมายความว่า ชีวิตของคุณกำลังอัพเกรดไปที่ระดับความเร็วสูงขึ้น แต่...ถ้าคุณรู้สึกว่า ธุรกิจ การงาน และความสัมพันธ์กับตนเองและผู้อื่น ไม่มีใครเข้าใจเราเลย คุณเริ่มสับสนว่า มาทำอะไรบนโลกใบนี้ มองไปทางไหนมีแต่ปัญหาชีวิตถาโถมเข้ามา นั่นแสดงว่า ความเร็วของคุณมันอืดเกินไปสำหรับโลกใบนี้ แค่คุณมีความเร็วชีวิตระดับ 2G โดยไม่พัฒนาชีวิตเลย...ก็ถูกทอดทิ้งไปเรื่อยๆ เพราะอีกไม่กี่ปี โลกจะมีระบบใหม่ที่เร็วกว่า 4G ทำให้คนที่เข้าถึงระบบใหม่ๆ ยิ่งมีชีวิตที่ง่ายขึ้น ส่วนคนที่อยู่ในระดับความเร็ว 2G ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น...แต่ได้ผลลัพธ์น้อยลงไปเรื่อยๆจนชีวิตล้มละลาย นับว่าโชคดีมาก ที่ในเวลานี้ มีครูทางจิตวิญญาณอย่างเช่น อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ที่เข้าใจการจูนระบบร่างกายและระบบจิตได้ยอดเยี่ยมที่สุดท่านหนึ่งในโลก ทำให้ผู้ที่กล้าตัดสินใจลงทุนกับชีวิต เข้ารับการโค้ชในระบบ SLP เพื่ออัพเกรคความเร็วของปัญญาและชีวิต จากระบบเดิมๆที่ล้าสมัยไปเรื่อยๆ มาสู่ระบบ 4G และสำหรับบางคน ยังสามารถพัฒนาล้ำไปกว่าระบบที่กำลังมีอยู่ได้อีกด้วย การสร้างมนุษย์ที่เก่งในระดับของการจดจำหรือมีปัญญาแบบทางโลก คิดกอบโกยเงินทองเป็นหลัก...ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก มีโค้ชหรือติวเตอร์มากมายที่พร้อมจะสอนทุกท่านให้หาเงินได้มากขึ้น(แต่ก็ยังไม่แน่ว่าชีวิตจะมีความสุขเพิ่มเหมือนจำนวนเงินที่หามาได้) แต่สิ่งที่ยากว่าคือ การหาครูทางจิตวิญญาณ ที่จะสอนให้ลูกศิษย์มีปัญญาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะปัญญาเป็นสิ่งที่บ่มเพาะได้ยากมากๆ ครูที่จะบ่มเพาะปัญญาได้...ต้องครบเครื่องจริงๆ ทั้งทางโลกและทางระบบจิต เพราะปัญญาไม่สามารถบังคับให้เกิดขึ้นในเวลาใดได้ตามที่ต้องการ ต้องอาศัยการลงมือทำซ้ำๆ หาประสบการณ์ชีวิตให้มากพอ
ความลับสุดยอดคือ ถ้าเราสามารถเข้าใจเรื่องระบบจิตที่นำไปสู่ความสำเร็จเพียงเรื่องเดียว ชีวิตจะสบายตลอดไป แต่...โดยปกติแล้ว เรื่องของระบบจิตสู่ความสำเร็จ ถ้าคนที่ความเร็วระดับ 2G จะต้องใช้เวลา 150 ปี กว่าจะเข้าใจ(เพราะความเร็วของเราต่ำเกินไปที่จะโหลดได้ครบในชาตินี้) นั่นหมายความว่า เราต้องทนใช้ชีวิตระกำลำบากไปจนจะหมดลมหายใจ(ถ้าคุณยอมรับชีวิตในแบบนั้นได้) ระบบ SLP ที่อาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ค้นพบและเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา เป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จที่สามารถทำให้ผู้ที่เข้าระบบ SLP พัฒนาระบบความเร็วของชีวิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เมื่ออัพเกรดชีวิตและปัญญาได้แล้ว ก็สามารถโหลดความรู้เรื่องระบบจิตสู่ความสำเร็จ จาก 150 ปี อาจจะเหลือเพียง 1-2 ปี ที่จะเข้าใจ ชีวิตจะหลุดจากความรู้สึกทุกข์ใจ ไปสู่ความรู้สึกว่าเรากลายเป็นคนใหม่ที่ประสบความสำเร็จได้ในทันที ส่วนเวลาที่เหลือก็สบายแล้ว เพียงแค่พัฒนาระบบจิตไปเรื่อยๆ ยิ่งในระบบโค้ชพลังจิต 5D ที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ ผู้ที่อ่านและตัดสินใจเข้ารับบทั้งการโค้ชและการเรียนแบบนักเรียนโค้ช จะยิ่งปรับความเร็วชีวิตได้เร็วกว่าระบบ 4G ด้วยซ้ำ เพราะในระบบใหม่ เราไม่ได้พูดถึงเรื่อง จิตใต้สำนึกที่คอยบงการชีวิตอีกต่อไป แต่เรากำลังพัฒนาไปถึงระบบจิตเหนือสำนึก ยิ่งกว่าชีวิตในแบบ New Rich อีกชั้นหนึ่งขึ้นไป โค้ชพลังจิต 5D เราพูดถึงการยกระดับจิตเพื่อทำให้เพิ่มความเร็วชีวิต ในระดับของ wifi หรือบางคนอาจพัฒนาไปยิ่งกว่านั้น (มหาเศรษฐีระดับโลก ชีวิตของพวกเขาเทียบเท่าความเร็วแสง) ความเร็วนั้นมาพร้อมกับจำนวนข้อมูลมหาศาล จำเป็นต้องอาศัยปัญญาในระดับของจิตเหนือสำนึก เพื่อกลั่นกรองและเลือกข้อมูลที่เหมาะสมที่สุด เพื่อนำมาใช้กับชีวิตด้วยปรัชญาข้อที่ว่า เลือกทำสิ่งเดียว ให้ผลสำเร็จทุกประการในชีวิต เพียงคุณเปิดใจรับฟัง อย่าเพิ่งตัดสินว่าถูกใจหรือไม่ สิ่งนี้อาจจะฝืนกับความเชื่อเดิมที่เคยมีมา ถ้าคุณชื่นชอบแนวทางแบบนักวิทยาศาตร์ตัวจริง ต้องกล้าที่เปิดใจรับฟัง ลงมือทำเพื่อพิสูจน์สิ่งที่สงสัย จนได้ผลลัพธ์เกิดขึ้น แล้วสิ่งที่ท่านได้รับรู้ จึงจะให้คำตอบที่สมบรูณ์ในตัวเอง |
Archives
October 2018
Authorโค้ชโจ้ ภัคพงศ์ ตาตะนันทน์ ฝึกฝนการโค้ชผ่านระบบ SLP กับอาจารย์สถิตธรรม เพ็ญสุข ทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์และร่วมก่อตั้งสถาบันโค้ชพลังจิต The Master Coach Academy Categories |